ในสายการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ยา หรือสินค้าทั่วไป การพิมพ์วันที่ผลิตและวันหมดอายุลงบนบรรจุภัณฑ์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่สามารถละเลยได้ เครื่องพิมพ์วันที่ผลิตจึงกลายเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ และหมึกพิมพ์วันที่เองก็เป็นวัสดุสิ้นเปลืองที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับต้นทุนการผลิต แม้ว่าหมึกพิมพ์วันที่อาจดูเหมือนเป็นรายการค่าใช้จ่ายเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าเครื่องจักรหรือวัตถุดิบอื่น ๆ แต่ในระยะยาว การใช้หมึกพิมพ์วันที่อย่างไม่เหมาะสมอาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นการใช้หมึกพิมพ์ให้คุ้มค่าที่สุดจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การบริหารต้นทุนที่โรงงานหรือผู้ผลิตไม่ควรมองข้าม มาดูกันว่าจะใช้หมึกพิมพ์วันที่อย่างไรให้คุ้มที่สุดกัน
1.เลือกหมึกให้เหมาะกับเครื่องและพื้นผิววัสดุ
หัวใจของการใช้หมึกพิมพ์วันที่ให้คุ้มเริ่มต้นที่การเลือกให้ถูกประเภท หมึกพิมพ์วันหมดอายุที่ใช้ในเครื่องพิมพ์แต่ละระบบ เช่น CIJ (Continuous Inkjet), TIJ (Thermal Inkjet), TTO (Thermal Transfer Overprinter) หรือ DOD (Drop on Demand) มีคุณสมบัติเฉพาะตัว ไม่สามารถใช้แทนกันได้ นอกจากนี้ พื้นผิวของวัสดุที่ต้องการพิมพ์ เช่น พลาสติก แก้ว โลหะ หรือฟิล์ม ก็ยังมีผลต่อการยึดเกาะของหมึก เพราะฉะนั้นการเลือกหมึกที่ไม่เหมาะอาจทำให้ข้อความหลุดลอก ข้อความพิมพ์ไม่ชัด หรือแห้งช้า ซึ่งส่งผลให้ต้องเกิดการสั่งพิมพ์ซ้ำและสิ้นเปลืองหมึกโดยไม่จำเป็น
2.คำนวณการใช้งานให้แม่นยำ
หลายโรงงานใช้เครื่องพิมพ์วันที่โดยใช้ค่ามาตรฐานที่มากเกินความจำเป็น เช่น การตั้งค่าให้ความเข้มของหมึกสูงสุดตลอดเวลาทั้งที่ไม่จำเป็น ควรปรับค่าความเข้มของหมึกพิมพ์วันที่ให้เหมาะสมกับวัสดุที่จะใช้พิมพ์เพื่อที่จะได้ช่วยลดการใช้หมึกในแต่ละรอบการพิมพ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการกำหนดจังหวะการพิมพ์และระยะห่างระหว่างตัวอักษรอย่างเหมาะสมยังช่วยให้หมึกพิมพ์วันที่ถูกใช้อย่างแม่นยำและไม่เปลืองโดยไม่จำเป็น
3.บำรุงรักษาหัวพิมพ์อย่างสม่ำเสมอ
แม้ว่าหมึกพิมพ์วันหมดอายุจะมีคุณภาพดีแต่หัวพิมพ์สกปรกหรืออุดตันจะสามารถทำให้เกิดการพ่นหมึกพิมพ์ผิดพลาดหรือใช้หมึกพิมพ์มากเกินไปโดยไม่ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นการล้างหัวพิมพ์ตามรอบ ตรวจสอบหัวพ่นอยู่เสมอ และใช้เครื่องมือที่ถูกต้องตามคู่มือของผู้ผลิต จะช่วยยืดอายุการใช้งานของหัวพิมพ์ และช่วยให้หมึกไหลอย่างสม่ำเสมอได้
4.จัดเก็บหมึกพิมพ์วันที่ให้ถูกต้อง
หมึกพิมพ์วันที่มีอายุการเก็บรักษาและอ่อนไหวต่ออุณหภูมิ ความชื้น และแสงแดด การจัดเก็บในพื้นที่แห้ง อุณหภูมิคงที่ และพ้นจากแสง UV จะช่วยยืดอายุหมึกพิมพ์วันที่ไม่ให้เสื่อมคุณภาพเร็ว รวมถึงช่วยลดการสูญเสียจากหมึกหมดอายุโดยใช้งานไม่ทัน
5. การวางแผนในการซื้อหมึกพิมพ์วันที่
หมึกพิมพ์วันหมดอายุที่ราคาถูกเกินไปอาจดูน่าสนใจในระยะสั้น แต่หากคุณภาพไม่เสถียร อาจทำให้เกิดปัญหาในการพิมพ์หรือทำให้เครื่องพิมพ์วันที่เสียเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นการเลือกหมึกจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้และมีมาตรฐานรองรับ จะช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาวได้ดี ขณะเดียวกันการควบคุมปริมาณการสั่งซื้อให้สอดคล้องกับแผนการผลิต จะช่วยลดภาระสต๊อกค้างและต้นทุนจมได้ คุณควรจะสั่งซื้อหมึกเมื่อหมึกพิมพ์เหลือประมาณ 30% หรือใช้งานตลับหมึกพิมพ์นั้นมาเป็นเวลานานกว่า 10 เดือน
หมึกพิมพ์วันที่ผลิตอาจเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่ดูไม่สำคัญในสายตาของหลายธุรกิจ แต่ในความจริงแล้ว มันมีผลอย่างมากต่อคุณภาพสินค้า ประสิทธิภาพการผลิต และต้นทุนในระยะยาว การเลือกใช้หมึกให้เหมาะสม ดูแลเครื่องพิมพ์อย่างสม่ำเสมอ และมีการจัดซื้อจัดเก็บอย่างเป็นระบบ คือแนวทางสำคัญที่จะช่วยให้คุณใช้หมึกได้คุ้มค่าอย่างแท้จริง เมื่อจัดการได้ดี นอกจากช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างมาตรฐานสินค้าให้ดูดี มีคุณภาพ และน่าเชื่อถือในสายตาผู้บริโภคอีกด้วย
https://www.facebook.com/photo/?fbid=719041943791237&set=a.203402955355141
สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
0974964444